เรียน พณ ท่านนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2554 ท่านนายกไปเปิดงานประชุมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย Thailand Sustainable Development Symposium 2011 ที่จัดโดยบริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ท่านกล่าวเปิดงานประชุมว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดงาน เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ
อาทิ นโยบายคืนภาษีรถคันแรก และน้ำมันราคาถูกหรือคะท่านนายก?
ท่านนายกขา ใครๆ เขาก็รู้สึกว่ามันขัดแย้งกับทิศทางการพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำจังเลยค่ะ นโยบายของท่านไม่เพียงทำให้คลังสูญเสียรายได้ถึง 30,000 ล้านบาทต่อปีจากภาษีรถคันแรก และ 6,000 ล้านบาทต่อเดือนจากน้ำมันราคาถูก แต่ที่สำคัญ นโยบายของท่านกำลังส่งเสริมให้คนใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น ใช้น้ำมันกันมากขึ้น พฤติกรรมที่ล้วนแล้วแต่นำไปสู่การยกระดับให้เราเป็นสังคมคาร์บอนสูงปรี๊ด เพิ่มมลพิษในอากาศหายใจ เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งปอดของประชาชน จราจรติดขัด สุขภาพจิตเสีย และเรื่องแย่ๆ อีกมากมายที่ตามมากับภาวะของเมืองที่ตกเป็นจำเลยของกองทัพรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ใช้พลังงานฟอซซิลที่เราต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เพราะรถยนต์สร้างปัญหามากมาย ตอนนี้ทั่วโลกเขาถึงมีแต่ออกนโยบายเพื่อให้คนลดใช้รถยนต์ไงคะ
ดิฉันเป็นผู้หญิง ก็ไม่อยากให้ใครมาว่าว่านายกหญิงไทยที่บังเอิญหน้าตาสวยหุ่นดี ว่าเป็นได้แค่ตุ๊กตาบาร์บี้ เสียสถาบันหญิงไทยงามอย่างมีคุณค่าเปล่าๆ
ท่านอย่าให้ใครบังอาจสบประมาท ท่านออกนโยบายใหม่มาเสริมดีกว่า
ดิฉันเข้าใจว่าท่านไม่อยากทำเสียสัญญาเลือกตั้ง ไม่เป็นไรค่ะ สำนวนฝรั่งว่าถ้าส้มมันช้ำแล้วให้เอามาทำแยม มะนาวช้ำให้ทำน้ำมะนาว เกมนี้แก้ได้ ไม่เสียฟอร์ม
ลิ่วล้อของท่านบอกว่าการได้ครอบครองรถยนต์เป็นความฝันของมนุษย์ ฟังดูเชยตกยุคคาร์บอนต่ำจังเลยค่ะ คนเก๋ๆ เขาไม่คิดอย่างนั้นกันแล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะ ซื้อกันมาครองก็ได้ ท่านให้คนมีโอกาสได้เป็นเจ้าของรถยนต์ แต่ท่านสามารถส่งเสริมให้เราใช้รถแต่เมื่อจำเป็นต้องใช้ดีไหมคะ แบบนี้วินๆ ค่ะ ได้ครอบครองรถยนต์ แต่ไม่ใช้รถบ่อยเกินไป
หมายความว่า เราซื้อรถยนต์ได้ถูก แต่เวลาใช้เราต้องคำนึงถึงค่าภาระต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เราก่อขึ้น ตรงนี้แหละค่ะที่ท่านสามารถออกมาตรการเสริมมาจูงใจคัดหางเสือกำกับพฤติกรรมผู้บริโภค
คำถามคือในเมื่อท่านไปลดราคาน้ำมันเสียแล้ว ยังมีมาตรการอะไรอีกที่ท่านสามารถออกมาแก้รำได้
หลายเมืองใช้วิธีกำหนดโซนเก็บค่าทำจราจรติดขัดค่ะท่าน เก็บเป็นรายวันในช่วงเวลาที่คนเดินทางกันเยอะๆ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนไม่ใช้รถยนต์ถ้าไม่จำเป็น ระบบเก็บเงินไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ไม่ต้องตั้งเป็นด่านเก็บตังค์คิวยาวแบบทางด่วนหรอกค่ะ จ่ายทางอินเทอร์เน็ตหรือกับไปรษณีย์ตามหมายเลขทะเบียนรถ ติดเซ็นเซอร์ที่รถ เวลาผ่านเขตโซนก็จะรับรู้ว่าคันไหนจ่ายไม่จ่ายหรือยัง ถ้าแอบเบี้ยวก็ปรับหนักไปเลยค่ะท่าน
เพื่อช่วยเหลือคนที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์จริงๆ เช่น คนพิการ และแท็กซี่ ท่านก็สามารถยกเว้นกลุ่มนี้ได้ค่ะ ไม่เสียคะแนนนิยมด้วยค่ะท่าน แต่ได้โปรดจำกัดจำนวนแท็กซี่ด้วยนะคะ ไม่งั้นทุกคนจะหันมาขับแท็กซี่กันหมดค่ะ
รายละเอียดทางปฏิบัติอื่นๆ ศึกษาได้จากเมืองที่ทำมาแล้ว เช่น สิงคโปร์และลอนดอนที่ท่านช้อปกันบ่อยๆ
เริ่มในโซนเมืองชั้นในที่มีระบบขนส่งมวลชนสะดวกสบาย เงินที่เก็บได้จากค่าทำรถติด ก็นำมาใช้ปรับปรุงการสัญจรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พื้นฐานที่สุดก็ทางเดินเท้าดีๆ มีร่มไม้ปกคลุม พื้นถนนก็แบ่งมาทำเลนจักรยาน เลนรถเมล์คุณภาพ สามล้อปั่นระบบเกียร์ดีๆ ก็เก๋ไก๋ไม่เบา ไทยแลนด์ผลิตเองได้ แถมสร้างงานสีเขียวด้วยค่ะท่าน
แล้วไหนๆ ท่านก็เอ็นดูประชาชนตาดำๆ อยากให้มีรถขับขี่ หันมาพิจารณามอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าก็ดีนะคะ แต่ต้องกำกับดูแลไม่ให้เผ้นผ้านวิ่งบนเลนจักรยานและทางเท้านะคะ มันเหมือนอำมาตย์มีอภิสิทธิค่ะ ไม่งามค่ะ ไม่งาม
และท่านต้องไม่ลืมอุดหนุนจักรยาน ทุกวันนี้ภาษีจักรยานพับได้สูงกว่าภาษีรถยนต์อีกนะท่าน ตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์แน่ะ จักรยานประเภทนี้เหมาะที่สุดเลยสำหรับใช้สัญจรในเมือง ผู้หญิงสวยๆ อย่างท่านก็ปั่นได้สบาย
เมื่อจำนวนรถยนต์ที่เอาออกมาวิ่งกันบนท้องถนนลดลง เราก็จะพบว่าเรามีพื้นที่สาธารณะในเมืองเพิ่มขึ้นมากมาย ลานปูนที่เคยใช้จอดรถเอามาปลูกต้นไม้ เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะร่มรื่น ที่เมืองโบโกต้า ท่านผู้ว่าเพนาโลซ่าสามารถเพิ่มสวนใหม่ๆ ให้คนเมืองถึง 1,200 แห่งด้วยแนวทางลักษณะนี้ค่ะ
เราอยากเห็นท่านออกนโยบายประชานิยมแบบหว่านเมล็ดพืชงอกเงยได้ค่ะท่านขา อะไรเขียวๆ ดีต่อส่วนรวมก็ไปอุดหนุน อะไรเหม็นๆ เป็นภัยต่อสุขภาพและสวัสดิภาพอย่างรถยนต์ก็ไม่ต้องไปสนับสนุน
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก่อนวัน Car Free Day สากล มูลนิธิโลกสีเขียวสำรวจความคิดเห็นคนกรุงเทพฯ จำนวน 4,333 คนค่ะท่าน สำรวจทั้งทางอินเทอร์เน็ตและตามถนนหนทางที่มีรถไฟฟ้าผ่าน คนส่วนใหญ่ที่เราถามเป็นคนขับรถหรือใช้ขนส่งมวลชน เป็นคนขี่จักรยานประจำแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ แต่เราพบว่าคนที่เราสำรวจถึง 86 เปอร์เซ็นต์บอกว่าจะหันมาขี่จักรยานถ้าเขาปั่นได้อย่างปลอดภัยค่ะ และ 93 เปอร์เซ็นต์ยินยอมให้แบ่งพื้นที่บนถนนมากั้นเป็นเลนจักรยานค่ะ ท่านไม่เชื่อท่านลองสำรวจใหม่เองสิคะ เพราะเครือข่ายสังคมออนไลน์ของเราคงจะค่อนไปทางเขียวๆ อยู่บ้างแหละค่ะ อันนี้ไม่ปฏิเสธ แต่ดิฉันฟันธงเลยค่ะว่า คนที่อยากขี่จักรยานมีจำนวนมากกว่าที่เราเห็นๆ บนท้องถนนหลายเท่าตัวค่ะ สิ่งที่เขาต้องการคือสภาพทางจักรยานที่ปลอดภัยเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายให้ขี่ไปไหนๆ ได้ ต่อระบบขนส่งมวลชนได้ ความไม่ปลอดภัยมันมากับรถยนต์และมอเตอร์ไซต์ค่ะ นอกจากเสี่ยงถูกเฉี่ยวชนแล้ว เรายังไม่ชอบดมควันพิษเหม็นๆ ด้วยค่ะ
นโยบายเก็บค่าจราจรติดขัดจากรถยนต์เป็นมาตรการสร้างความยุติธรรมในสังคมค่ะ เพราะถนนเป็นพื้นที่ของทุกคน ต้องแบ่งปันกันใช้ ไม่ใช่เฉพาะสำหรับคนนั่งรถยนต์ อากาศหายใจก็เป็นสิทธิพื้นฐานของทุกชีวิต
สิ่งนี้ท่านมอบให้เราได้ จึงเรียกร้องมาเพื่อพิจารณา
กรุงเทพธุรกิจ: โลกในมือคุณ, ตุลาคม 2554
14 comments
Comments feed for this article
October 3, 2011 at 1:41 pm
aboutetc
เริ่ดค่ะ
October 3, 2011 at 2:12 pm
rockybaby
น่าเสียดายที่ท่านนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย ท่านคงไม่ได้อ่านบทความนี้นะ
ครับ
October 4, 2011 at 1:18 am
WTH
จะอ่านออกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย คงน่าจะออกแต่คงไม่เข้าใจ
October 4, 2011 at 9:18 am
prakasit
ควรจะมีนโยบายสนับสนุนการใช้จักรยานมากขึ้น ค่อย ๆ เริ่มทำ เพื่ออีก 10 ปีจะดีขึ้น
October 4, 2011 at 12:28 pm
Sivasin Sk
ตรงประเด็นเลย
October 6, 2011 at 1:27 pm
rosawanp
ชอบมากค่ะ เขียนได้ตรงใจจริงๆ
October 6, 2011 at 1:48 pm
aeknikon
เยี่ยมมากๆครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ปั่นจักรยานครับ
October 6, 2011 at 1:56 pm
Mink
นอกจากนั้น ท่านยังทำแท้งร่างกม.องค์การอิสระสิ่งแวดล้อมฯที่รอคลอดมากว่า 10 ปี
ด้วย แล้วไหนตอนแถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 เรื่องนโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยข้อ 5.3 ระบุว่า “รัฐบาลจะดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและเร่งรัดการควลคุมมลพิษ โดยการปรับปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ปรับปรุงกองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เอื้อต่อการเข้าถึงขององค์กรภาคประชาชน ผลักดันกฎหมายว่าด้วยองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม….” ไหงทำงี้ล่ะครับท่าน มันโกหกชัดๆ
October 6, 2011 at 2:41 pm
Nithitorn Kongkaew
คุณนายกครับ เลิกคิดถึงผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าตัวเองเถอะครับ ยังไม่สายที่จะคิดถึงประชาชนทั้งคนที่เลือกท่านและไม่ได้เลือกท่านเหอะครับ เพราะว่าผลเสียที่ตามมาภายหลังจากนโยบายคิดสั้นของท่าน มันทำให้พวกเราเลือกที่จะไม่รับผลกระทบไม่ได้อะครับ
ขอบคุณมากครับ ถึงท่านจะไม่ได้รับทราบก็ตาม
October 6, 2011 at 9:39 pm
A'Bouy Kuung
รักเมืองไทยนะครับท่านนายก
October 8, 2011 at 12:05 am
Birm
So cool, Phi Oy.
October 8, 2011 at 1:28 pm
0987654321
ผมไม่สนนโยบายนี้หรอกเพราะไม่มีสิทธิเลยกับรถคันแรกเพราะรายได้พอกินไปเป็นวันๆ ตอนนี้ใช้จักรยานอยู่ช่วยลดคาร์บอนและไม่เบียดเบียนใครด้วย
October 12, 2011 at 5:41 pm
Krabbit Man
บทความดีมากครับ
ขออนุญาตินำไปเผยแพร่ต่อนะครับ
October 19, 2011 at 12:04 pm
paisarn
คันกั้นน้ำกี่คัน กี่แนวก็กั้นธรรมชาติ และแรงดันน้ำไม่อยู่ ไม่ควรฝืนแรงน้ำ แต่ควรปรับเส้นทางให้น้ำออกจากแผ่นดินลงสู่ที่ต่ำโดยเร็ว ไม่งั้นน้ำที่ขังจะพังทลายทุกด่านที่ขวาง และกระแสน้ำจะแรงเมื่อผ่านแต่ละด่าน คนที่จมน้ำอยู่ก็ต้องอดทนรอเพียงน้ำระบายลงเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง และคลองย่อยได้วันละห้าร้อยล้านคิว ไม่ไหวหรอกครับ
อยากบอกรัฐบาลว่า คันดินหรือกระสอบทรายกันน้ำไม่อยู่หรอก มันกั้นได้แค่ชั่วคราว ควรเปิดทางน้ำให้ไหลผ่านโดยเร็ว ให้เปิดทุ่งตะวันตกและตะวันออกจากเหนือจรดใต้จนถึงอ่าวไทยความกว้างสักสองร้อยเมตรเพื่อให้มวลน้ำกว่าหมื่นล้านคิวไหลออกจากแผ่นดิน โดยอพยพเคลียร์บ้านเรือนและคนในแนวนั้นโดยด่วน ให้ชดเชยผู้ที่อยู่ในแนวเส้นทางระบายน้ำนั้นอย่างเต็มที่ และจารึกถึงความเสียสละ พร้อมทั้งให้ผู้ที่อยุ่นอกแนวนั้นรับความช่วยเหลือคนในแนวนั้นเยี่ยงวีรบุรุษวีรสตรีผู้เสียสละเพื่อชาติ..ใครเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ช่วยส่งต่อๆให้ถึงรัฐบาลด้วยครับ ขอบคุณครับ